top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนAuto Rosso

10 อันดับรถยนต์ไฟฟ้าน่าใช้แห่งปี 2020 จากค่ายรถชั้นนำ ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) สุดล้ำ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการขับเคลี่อนสำหรับยุคหน้า ยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้มลพิษในระหว่างการใช้งานกำลังจะทวีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้ที่จะถึงนี้ค่ะ


1. Porsche Taycan 4S : ต่อจากรุ่น Turbo และ Turbo S คราวนี้ถึงคิวของรหัส 4S ในแบบขับเคลื่อน 4 ล้อและมีกำลังให้เลือก 2 ระดับจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 แบบ คือ 530 และ 570 แรงม้า ซึ่งจะมีระยะทางในการแล่นต่อการชาร์จ 1 ครั้งอยู่ที่ 407 กิโลเมตร และถ้าอยากแล่นไกลขึ้นก็ติดตั้งชุด Performance Battery Pack ทำให้ระยะทางได้อีกเป็น 453 กิโลเมตร ราคาเปิดตัวในประเทศไทย 8.8 ล้านบาท


2.Ford Mach-e : เปิดตัวคันจริงให้เห็นแล้ว แต่กว่าจะเริ่มส่งมอบต้องรอจนถึงปลายปี 2020 โดยรถยนต์รุ่นนี้มากับตัวถังในสไตล์ฟาสต์แบ็ค และมีหน้าตาและเส้นสายในการออกแบบมาจาก Mustang รุ่นปัจจุบัน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 255-459 แรงม้า) แล่นทำระยะต่อการชาร์จ 1 ครั้งตั้งแต่ 340-480 กิโลเมตร โดยในรุ่นท็อปสุด สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 ได้ใน 3.5 วินาที ส่วนราคาในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 43,895-60,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 1.82 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า)


3.Lotus Evija : รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าแบบ 100% รุ่นแรกของโลก โดยมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ว่ากันว่าผลิตกำลังออกมาได้ถึง 2,000 แรงม้าพร้อมแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 2,000 Kw ใช้เวลาต่ำกว่า 3 วินาทีสำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 340 กิโลเมตร/ชั่วโมงโดยสปอร์ตรุ่นนี้มีการผลิตออกมาขายเพียง 130 คันเท่านั้น โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบในช่วงปลายปี 2020

ราคาเปิดตัวในลอนดอน 65 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า)


4.Peugeot e-2008 : อีกผลผลิตใหม่ที่เกิดจากการรุกตลาดพลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัวของ Peugeot โดยนอกจากรถเล็กอย่าง e-208 แล้ว พวกเขายังลุยตลาดซับคอมแพ็กต์ SUV ด้วยรุ่น e-2008 อีกด้วย โดยตัวรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 136 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 50 kWH และสามารถแล่นได้ไกลถึง 310 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยทาง Peugeot กล้ารับประกันความทนทานของแบตเตอรี่ด้วยระยะทาง 160,000 กิโลเมตรหรือ 8 ปีโดยที่ความสามารถในการชาร์จไม่ต่ำกว่า 70% ราคาเปิดตัวในอังกฤษ 1.1 ล้านบาท ( ไม่รวมภาษีนำเข้า )


5.Volkswagen e-UP : ตัวแทนของคนรุ่นใหม่สำหรับแบรนด์รถยนต์ของประชาชน ซึ่ง e-UP ถูกมองว่ามีบทบาทเดียวกับที่ Beetle เคยเป็นในศตวรรษที่แล้ว เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์มาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 83 แรงม้า และแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งที่ 260 กิโลเมตร โดยมีราคาขายในยุโรปอยู่ที่ 21,975 ยูโร หรือ 7.4 แสนบาท ( ไม่รวมภาษีนำเข้า ) เท่านั้น


6.Mercedes-Benz EQV : ผลผลิตที่ 2 จากแบรนด์ย่อยอย่าง EQ ซึ่งคราวนี้พัฒนาบนพื้นฐานของรถตู้รุ่น V-Class พร้อมความสามารถอันเหนือชั้นของระบบไฟฟ้าเพราะด้วยน้ำหนักตัวที่มากขึ้นทั้งจากการรองรับการบรรทุกคนและสัมภาระรวมถึงชุดแบตเตอรี่ แต่ตัวรถก็ยังสามารถแล่นทำระยะทางได้ไกลถึง 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ราคาเปิดตัวในฝั่งยุโรปอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท ( ไม่รวมภาษีนำเข้า )


7.Opel Corsa-e : เมื่อย้ายฝั่งมาอยู่กับกลุ่ม PSA ไม่น่าแปลกใจที่จะมีการขยายทางเลือกของรถยนต์ไฟฟ้าไซส์เล็กมาที่แบรนด์ Opel และ Vauxhall ด้วย และ Corsa-e ถือว่าแชร์พื้นฐานร่วมกับ e-208 ของค่าย Peugeot โดยขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 136 แรงม้า พร้อมกับปรับตัวรถให้ส่งต่อความสนุกสานในการขับด้วยอัตราเร่งเพียง 8.1 วินาทีสำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ราคาเปิดตัวในเยอรมนี 1.06 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า)


8.Audie-Tron Sportback : เสริมตลาดด้วยความสวยบนตัวถังที่สปอร์ตขึ้นจากรุ่น e-Tron โดยด้านท้ายของรุ่น Sportback จะมีการออกแบบให้ลาดเทลงทางด้านหลังจนดูคล้ายกับรถสปอร์ตแบบยกสูง ส่วนสมรรถนะก็ยังเหมือนเดิม สามารถแล่นทำระยะทางได้ถึง 446 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อตลอดเวลา Quattro ราคาเปิดตัวในประเทศไทยอยู่ที่ 5.299 ล้านบาท


9.Honda e : จากต้นแบบเมื่อต้นปี 2019 กลายมาเป็นคันจริงสำหรับขายในช่วงปลายปี 2019 โดยตัวรถมาในสไตล์ซิตี้คาร์คันเล็กหน้าตาสวย และรองรับกับการใช้งานในเมืองได้อย่างเต็มที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 136 และ 154 แรงม้าแล้วแต่รุ่นย่อย โดยสามารถแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 220 กิโลเมตร และที่สำคัญคือ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 8 วินาทีเท่านั้น ราคาเปิดตัวในญี่ปุ่น อยู่ที่ 1.33 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า)


10.Tesla Model 3 รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ขุมพลังไฟฟ้าล่าสุด ในส่วนของสมรรถนะถือว่าเร้าใจอย่างยิ่ง โมเดล 3 รุ่นเริ่มต้นจะสามารถออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. โมเดล 3 จะมีพื้นที่ในห้องโดยสารที่สะดวกสบายกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไปที่มีมิติตัวถังใกล้เคียงกัน เนื่องจากการติดตั้งแบตเตอรี่ใต้ท้องรถซึ่งช่วยให้วิศวกรของเทสล่าสามารถเลื่อนเบาะที่นั่งไปด้านหน้าได้มากว่าเดิมเพื่อเพิ่มเนื้อที่เบาะหลัง โมเดล 3 จึงรองรับผู้โดยสารห้าที่นั่งได้อย่างสบาย และสามารถบรรทุกกระดานโต้คลื่นขนาด 7 ฟุตได้ด้วยภายในเวลาต่ำกว่า 6 วินาที ส่วนรุ่นสูงขึ้นไปจะทะยานได้เร็วกว่านี้ในระดับ 4 วินาทีกว่าเลยทีเดียว โดยมีระยะทางขับเคลื่อนอย่างน้อย 346 กม. ดีไซน์โดดเด่นด้วยประตูเปิดแบบ falcon wing doors ราคาเปิดตัวในไทยเริ่มต้นอยู่ที่ 3.59 - 4.59 ล้านบาท




ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

NEWS & ACTIVITY

bottom of page